งานที่ทำงาน (มายังไงก็ไม่รู้)
ทำไมรู้สึกคุ้นๆ ว่าโลโก้นี้มันซ้ำ กับชาวบ้าน ล่ะนี่
Monday, December 21, 2009
Sunday, December 20, 2009
เกมที่สร้างให้ อนามัยบัวสลี อ.แม่ลาว จ.เชียงราย
รายละเอียด เป็นเกม action/adventure ใช้ปุ่ม ลูกศรในการบังคับทิศทาง และใช้ปุ่ม z,x,c ในการเตะ/ต่อย โดยศัตรูจะมีหลากหลายแบบ มีศัตรูชนิดหนึ่งที่หัวเป็นเครื่องหมายคำถาม ถ้ากำจัดมันได้เราจะได้เข้าไปตอบคำถามเพื่อเพิ่มเงิน(เอาไว้ อัพเกรด ความสามารถ)
มี 5 ด่านนะครับ ที่เห็นตัวดำๆ นี่เป็น หัวหน้าของด่านแรกครับ
เทคโนโลยีที่ใช้ Flash และ XML
ตอนนี้ ได้ประมาณ 70 % (เหลือ สร้างศัตรูอีกซัก 5 ชนิด , บอส 4 ตัว และฉากอีก 4 ด่าน และอื่นๆ) แล้วล่ะครับ งานทำเงินก็ได้ 555+
Friday, December 18, 2009
เปิดตัวโลโก้ klarWorks
Thursday, December 17, 2009
งานที่ทำ 2 (ณ ที่ฝึกงาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิต )
งานที่ทำ 1 (ณ ที่ฝึกงาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิต )
Saturday, October 3, 2009
ตกใจ
บทความของรองศาสตราจารย์ ดร.ดำรงค์ ฐานดี ผู้อำนวยการศูนย์เกาหลีศึกษาของมหาวิทยาลัยรามคำแหง
บทความนี้ส่วนใหญ่จะชื่นชมเกาหลีใต้ แต่มีบางตอนที่อาจารย์ ท่านกล้าเอาบทความของฝรั่งและของท่านเองที่วิจารณ์คนเกาหลีใต้ตรงๆมาลง ผมขออนุญาตนำบางตอนมารับใช้ผู้อ่านท่านที่เคารพดังต่อไปนี้ครับ
“คนที่ไม่รู้จักกันจะไม่ทักกัน และจะไม่ใช้รอยยิ้มในการทักทายคนที่ไม่รู้จัก เพราะถือกันว่า ผู้ใดเปิดยิ้มให้ก่อนจะทำให้ดูเหมือนว่าเป็นคนชอบเปิดตัว ต้องการรู้จักคนอื่น เพื่อการหวังผลจากอีกฝ่ายหนึ่ง ดังนั้น จึงจะเห็นว่าในขณะที่รอคอยรถเมล์ รถไฟใต้ดิน หรือแม้แต่การให้บริการ เช่น พนักงานขายของ แคชเชียร์ และคนเสิร์ฟอาหาร จะไม่ค่อยมีรอยยิ้มเลย คนจะยิ้มให้กันก็เฉพาะคนที่รู้จักมักคุ้นกันแล้วเท่านั้น”
“ชีวิตการอยู่ร่วมกันในครอบครัวของคนเกาหลีในอดีตนั้น บ้านจะมีเพียง 2-3 ห้อง และมีคนหลายคนของครอบครัวขยายอาศัยอยู่ ทุกห้องจึงไม่มีความเป็นส่วนตัวสำหรับใครคนใดคนหนึ่ง เพราะจะมีการใช้ห้องเป็นทั้งที่นอน ห้องนั่งเล่น และห้องอ่านหนังสือสลับกันไป ทำให้ขาดความเป็นส่วนตัวในบ้าน ดังนั้น วิถีทางดำรงชีวิตจะเป็นเสมือนหนึ่งการอยู่ร่วมกันและใช้ของทุกสิ่งร่วมกัน น้องชายและพี่ชายจะสวมใส่เสื้อผ้าของกันและกันเสมอ เพื่อนจะยืมเสื้อและของใช้จากเพื่อนเป็นระยะเวลานานๆก่อนที่จะส่งคืน ความเป็นเจ้าของในทัศนะของชาวตะวันตกจะไม่ค่อยปรากฏในสังคมเกาหลี เพราะจะถูกมองไปว่าเป็นคนเห็นแก่ตัว ด้วยเหตุนี้การแบ่งปันจึงเป็นวิถีของครอบครัว เกาหลีและกลายเป็นความสัมพันธ์ทางสังคมอีกด้วย”
“ในสังคมเกาหลี มีการใช้คำว่า 'ของเรา' บ่อยกว่าคำว่า 'ของฉัน' ซึ่งหมายรวมไปถึงบ้านของเรา พ่อของเรา บริษัทของเรา โบสถ์ของเรา ฯลฯ”
“.....หากคุณกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์บนรถไฟ คนที่ นั่งข้างๆ จะยื่นหน้ามาร่วมอ่านด้วยโดยไม่ขออนุญาต เจ้าของหนังสือพิมพ์ก็ดูจะไม่สนใจว่าใครจะอ่านด้วย ทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ดังนั้น กระดาษที่วางบนโต๊ะทำงาน เครื่องใช้สำนักงาน พิมพ์ดีด หรือทีวี มักจะมีคนหยิบฉวยโดยไม่ขออนุญาต ทางที่ดีจึงควรเก็บของใช้ส่วนตัวไว้ในที่มิดชิด อย่าให้ใครเห็นจะเป็นการดีที่สุด”
“.....แต่การคบค้าสมาคมและคุ้นเคยกับคนเกาหลีเป็นเวลานานๆ จะพบว่าคนเกาหลีเป็นคนใจร้อน ไม่มีความเกรงใจ ไม่สำรวม เช่น ตะโกนข้ามหัวกันอย่างไม่ยำเกรง อีกทั้งไม่มีความละอายดังเช่นพฤติกรรมที่คนทั่วโลกยอมรับว่าดีและปฏิบัติตาม แต่คนเกาหลีดึงดันทำตามสิ่งที่ตนต้องการทำ โดยไม่แยแสว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร เช่น แย่งที่นั่งบนรถไฟหรือแซงคิว ก็จะทำตัวไม่รู้ร้อน ไม่รู้สึกว่าตนกระทำผิด หรืออาจคิดว่าคนในสังคมของเขาก็ทำกันเช่นนั้น และจะไม่เอ่ยปากขอโทษเลย คนไทยที่อาศัยอยู่ในเกาหลีต่างรับไม่ได้กับพฤติกรรมแบบนี้”
“ข้อวิพากษ์วิจารณ์ของเกาหลีที่มีต่อคนไทยก็คือ คนไทยเป็นคนขี้ เกียจ ตัดสินใจช้า มัวแต่โอ้เอ้ ชอบความสบาย รักความสนุกสนาน ไม่มีความมุ่งมั่นทำสิ่งใดอย่างจริงจัง ไม่มีเป้าหมายในการทำงาน และเป็นสังคมที่ขาดระเบียบวินัย อีกทั้งจะยังเตือนคนเกาหลีด้วยกันเองว่า คนไทยเป็นคนไม่น่าคบ ควรจะแสวงหาประโยชน์จากคนไทยและเมืองไทยให้มากๆ”
ทุกประเทศในโลกนี้มี 2 ด้านครับ ไม่ว่าไทยหรือเกาหลีก็มี 2 ด้าน ทั้งด้านดี และด้านลบ ก่อนจะคบค้าสมาคมหรือลงทุนร่วมหุ้นค้าขายกับประเทศใด ท่านควรศึกษาผู้คนชนชาตินั้นอย่างละเอียดลึกซึ้งทั้งสองด้านเถิด.
เครดิท : น ส พ. ไทยรัฐ
บทความนี้ส่วนใหญ่จะชื่นชมเกาหลีใต้ แต่มีบางตอนที่อาจารย์ ท่านกล้าเอาบทความของฝรั่งและของท่านเองที่วิจารณ์คนเกาหลีใต้ตรงๆมาลง ผมขออนุญาตนำบางตอนมารับใช้ผู้อ่านท่านที่เคารพดังต่อไปนี้ครับ
“คนที่ไม่รู้จักกันจะไม่ทักกัน และจะไม่ใช้รอยยิ้มในการทักทายคนที่ไม่รู้จัก เพราะถือกันว่า ผู้ใดเปิดยิ้มให้ก่อนจะทำให้ดูเหมือนว่าเป็นคนชอบเปิดตัว ต้องการรู้จักคนอื่น เพื่อการหวังผลจากอีกฝ่ายหนึ่ง ดังนั้น จึงจะเห็นว่าในขณะที่รอคอยรถเมล์ รถไฟใต้ดิน หรือแม้แต่การให้บริการ เช่น พนักงานขายของ แคชเชียร์ และคนเสิร์ฟอาหาร จะไม่ค่อยมีรอยยิ้มเลย คนจะยิ้มให้กันก็เฉพาะคนที่รู้จักมักคุ้นกันแล้วเท่านั้น”
“ชีวิตการอยู่ร่วมกันในครอบครัวของคนเกาหลีในอดีตนั้น บ้านจะมีเพียง 2-3 ห้อง และมีคนหลายคนของครอบครัวขยายอาศัยอยู่ ทุกห้องจึงไม่มีความเป็นส่วนตัวสำหรับใครคนใดคนหนึ่ง เพราะจะมีการใช้ห้องเป็นทั้งที่นอน ห้องนั่งเล่น และห้องอ่านหนังสือสลับกันไป ทำให้ขาดความเป็นส่วนตัวในบ้าน ดังนั้น วิถีทางดำรงชีวิตจะเป็นเสมือนหนึ่งการอยู่ร่วมกันและใช้ของทุกสิ่งร่วมกัน น้องชายและพี่ชายจะสวมใส่เสื้อผ้าของกันและกันเสมอ เพื่อนจะยืมเสื้อและของใช้จากเพื่อนเป็นระยะเวลานานๆก่อนที่จะส่งคืน ความเป็นเจ้าของในทัศนะของชาวตะวันตกจะไม่ค่อยปรากฏในสังคมเกาหลี เพราะจะถูกมองไปว่าเป็นคนเห็นแก่ตัว ด้วยเหตุนี้การแบ่งปันจึงเป็นวิถีของครอบครัว เกาหลีและกลายเป็นความสัมพันธ์ทางสังคมอีกด้วย”
“ในสังคมเกาหลี มีการใช้คำว่า 'ของเรา' บ่อยกว่าคำว่า 'ของฉัน' ซึ่งหมายรวมไปถึงบ้านของเรา พ่อของเรา บริษัทของเรา โบสถ์ของเรา ฯลฯ”
“.....หากคุณกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์บนรถไฟ คนที่ นั่งข้างๆ จะยื่นหน้ามาร่วมอ่านด้วยโดยไม่ขออนุญาต เจ้าของหนังสือพิมพ์ก็ดูจะไม่สนใจว่าใครจะอ่านด้วย ทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ดังนั้น กระดาษที่วางบนโต๊ะทำงาน เครื่องใช้สำนักงาน พิมพ์ดีด หรือทีวี มักจะมีคนหยิบฉวยโดยไม่ขออนุญาต ทางที่ดีจึงควรเก็บของใช้ส่วนตัวไว้ในที่มิดชิด อย่าให้ใครเห็นจะเป็นการดีที่สุด”
“.....แต่การคบค้าสมาคมและคุ้นเคยกับคนเกาหลีเป็นเวลานานๆ จะพบว่าคนเกาหลีเป็นคนใจร้อน ไม่มีความเกรงใจ ไม่สำรวม เช่น ตะโกนข้ามหัวกันอย่างไม่ยำเกรง อีกทั้งไม่มีความละอายดังเช่นพฤติกรรมที่คนทั่วโลกยอมรับว่าดีและปฏิบัติตาม แต่คนเกาหลีดึงดันทำตามสิ่งที่ตนต้องการทำ โดยไม่แยแสว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร เช่น แย่งที่นั่งบนรถไฟหรือแซงคิว ก็จะทำตัวไม่รู้ร้อน ไม่รู้สึกว่าตนกระทำผิด หรืออาจคิดว่าคนในสังคมของเขาก็ทำกันเช่นนั้น และจะไม่เอ่ยปากขอโทษเลย คนไทยที่อาศัยอยู่ในเกาหลีต่างรับไม่ได้กับพฤติกรรมแบบนี้”
“ข้อวิพากษ์วิจารณ์ของเกาหลีที่มีต่อคนไทยก็คือ คนไทยเป็นคนขี้ เกียจ ตัดสินใจช้า มัวแต่โอ้เอ้ ชอบความสบาย รักความสนุกสนาน ไม่มีความมุ่งมั่นทำสิ่งใดอย่างจริงจัง ไม่มีเป้าหมายในการทำงาน และเป็นสังคมที่ขาดระเบียบวินัย อีกทั้งจะยังเตือนคนเกาหลีด้วยกันเองว่า คนไทยเป็นคนไม่น่าคบ ควรจะแสวงหาประโยชน์จากคนไทยและเมืองไทยให้มากๆ”
ทุกประเทศในโลกนี้มี 2 ด้านครับ ไม่ว่าไทยหรือเกาหลีก็มี 2 ด้าน ทั้งด้านดี และด้านลบ ก่อนจะคบค้าสมาคมหรือลงทุนร่วมหุ้นค้าขายกับประเทศใด ท่านควรศึกษาผู้คนชนชาตินั้นอย่างละเอียดลึกซึ้งทั้งสองด้านเถิด.
เครดิท : น ส พ. ไทยรัฐ
Wednesday, September 9, 2009
Tuesday, September 1, 2009
Sunday, August 30, 2009
ทดสอบ particle (Particle Test)
ทดสอบครับ เพราะต้องใช้ในเกมด้วย 555+
(Testing for using it in my game. )
Saturday, August 29, 2009
โปรเจค 40% (Complete 40%)
สิ่งที่เหลือ
-ศัตรู
-อาวุธของตัวละคร
-ฉาก
-ลายละเอียดพื้นผิว
-เน็ตเวิร์ค ใช้ แลน เชื่อมต่อผู้เล่น
(
The remain things to do are
-monsters
-netWork (connect with lan)
-weapon
-game map,texture
-some things a little
)
Tuesday, July 28, 2009
กำลังทำให้มันเดินบนพื้น (give him walking ability)
Saturday, July 25, 2009
ใครกำลังศึกษา Panda3D เอานี่ไป (Take it if you are learning Panda3D)
เอาไว้ท่อง มีแต่ฟังชั่นเบื้องต้นที่สำคัญอ่ะ กว่าจะหาได้นะเนี่ย
(It is the quick reference.)
(I take it from http://cse.uom.ac.mu/courses/file.php/7/Resources/QuickReference.pdf)
(It is the quick reference.)
(I take it from http://cse.uom.ac.mu/courses/file.php/7/Resources/QuickReference.pdf)
ใส่ text ใครว่าง่าย (Don't say "EASY" for asian text putting)
เราว่าใส่กระดูกให้โมเดลยากแล้ว ใส่ Text ยากกว่าอีก มันวุ่นวายมาก ต้องสร้าง Config.prc อะไรก็ไม่รู้ แถมยังต้อง import function มาอีก กว่าจะเป็นภาษาไทยได้
(I think that putting skeleton to model annoy me, but putting text is worse than that . Take many time to be able use Thai Language on screen. I must create Config.prc. OMG. )
เดินไปเดินมา (walk walk walk)
อันนี้ใช้คำสั่ง Interval ในการบังคับให้โมเดลเดินไปมา
(This use Interval command to control the way of model walking.)
Friday, July 24, 2009
กว่าจะเดินได้ (Long time for his walking)
Thursday, July 23, 2009
Wednesday, July 22, 2009
ตอนนี้กำลังทำ โปรเจคจบ เป็นเกม 3 มิติ ออนแลน
โปรเจคจบ(Senior Project)
โปรเจคนี้ทำกับเพื่อน computer science อีกคน
อันนี้เป็นภาพ ตัวละครที่เพื่อนออกแบบ
(My friend(Computer Science Major) and I work this project.This is our character in the game.)
ส่วนตอนนี้ผมกำลังขึ้นโมเดล และทดสอบกับ เอนจิน(panda3D)อยู่
(Now, I have been modeling in mya and testing it with panda3D engine for compatible.)
ส่วนรายละเอียดเกม วันหลังจะมาเล่าให้ฟังครับ อิอิ
(For the game detail I will tell you soon.Thanks for visit my blog.)
โปรเจคนี้ทำกับเพื่อน computer science อีกคน
อันนี้เป็นภาพ ตัวละครที่เพื่อนออกแบบ
(My friend(Computer Science Major) and I work this project.This is our character in the game.)
ส่วนตอนนี้ผมกำลังขึ้นโมเดล และทดสอบกับ เอนจิน(panda3D)อยู่
(Now, I have been modeling in mya and testing it with panda3D engine for compatible.)
ส่วนรายละเอียดเกม วันหลังจะมาเล่าให้ฟังครับ อิอิ
(For the game detail I will tell you soon.Thanks for visit my blog.)
Friday, May 15, 2009
Wednesday, May 13, 2009
Tuesday, May 12, 2009
my old multimedia project
I have studied multimedia in mae fah luang university (It is not my main subject in my major). In that class i studied to make MUSIC VIDEO. So i made it with my 2 friend in group.
snail Project (not finish yet)
Subscribe to:
Posts (Atom)